ประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของบริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด

บริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด ขอแนะนำให้ท่านทำความเข้าใจประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (privacy notice) นี้ เนื่องจาก ประกาศนี้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย มาตราการการรักษาความปลอดภัย รวมถึงสิทธิต่างๆ ของท่าน ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่าน ได้รับทราบถึงมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทดังต่อไปนี้

1.​ คำนิยาม

"บริษัท" บริษัทฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด

"ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลที่สามารถหรืออาจจะระบุตัวตนของท่าน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

"การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

"พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 กฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

2.​ บุคคลที่เกี่ยวข้อง

ประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นี้ใช้สำหรับบุคคลดังต่อไปนี้

2.1 ลูกค้าของบริษัท ได้แก่

(1) ลูกค้าเดิมและลูกค้าปัจจุบันของบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา

(2) ลูกค้าองค์กรธุรกิจ กรรมการ ผู้ถือหุ้น พนักงาน หรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกค้าองค์กรธุรกิจเดิมและปัจจุบัน รวมถึงบุคคลธรรมดาอื่นที่มีอำนาจในการกระทำการแทนลูกค้าองค์กรธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทขอแนะนำให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจของบริษัทดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนหรือบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องใด ๆ รับทราบถึงประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท

2.2 บุคคลที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท บุคคลดังกล่าวรวมถึงบุคคลธรรมดาหรือองค์กรธุรกิจที่ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการกับบริษัท แต่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น ผู้ให้บริการแก่บริษัท ผู้ลงทุน บุคคลที่ได้ชำระเงินให้แก่หรือรับเงินจากลูกค้าของบริษัท บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สำนักงานของบริษัท บุคคลที่ให้ความสนใจหรือต้องการเข้าสมัครใช้บริการของบริษัท ผู้ค้ำประกันหรือผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง กรรมการหรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของนิติบุคคลที่ใช้บริการของบริษัท ลูกหนี้ของลูกค้าของบริษัท บุคคลในกระบวนการสรรหาพนักงานของบริษัท ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ รวมถึงกรรมการ ผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัท และตัวแทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลดังกล่าว และบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท

3.​ วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ เช่น

(1) การเข้าทำและ/หรือการปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงการปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการของบริษัท

(2) การให้บริการหรือการดูแลลูกค้าตามสัญญา เช่นการบริการหลังการขาย การแก้ไขปัญหาการใช้งานระบบ

(3) การบันทึกข้อมูลการสนทนาและการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าในทุกช่องทางการสื่อสาร (เช่น อีเมล โทรสารการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ หรืออื่น ๆ) เพื่อการพัฒนาการจัดการการให้บริการของบริษัท

(4) ดำเนินการหรือเข้าทำธุรกรรม และ/หรือ การชำระหรือรับชำระเงิน เช่น การดำเนินการชำระเงินหรือทำ ธุรกรรม การดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จของธุรกรรม การชำระหนี้ การเรียกเก็บเงิน การหักบัญชี การดำเนินการหรือเข้าทำกิจกรรมต่าง ๆ ในการบริหารความสัมพันธ์กับบริษัท และการดำเนินการทางทะเบียนกับบริษัทเกี่ยวกับบัญชีของท่านในฐานะลูกค้าของบริษัท หรือผู้ให้บริการของบริษัท

(5) การดำเนินกระบวนการอันเกี่ยวกับข้อพิพาท การเรียกคืน หรือโอนซึ่งหนี้ รวมถึงกระบวนการต่างๆ ตามกฎหมาย

(6) การพิสูจน์และยืนยันตัวตนของลูกค้า หรือผู้ใช้บริการ หรือผู้ให้บริการสนับสนุนการประกอบธุรกิจ (Business Facilitator) หรือคู่ค้า หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท

(7) การบันทึกข้อมูลผู้เข้ามาติดต่อขอเข้าพื้นที่ทำการของบริษัท การถ่ายภาพหรือบันทึกภาพเคลื่อนไหวในเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันทรัพย์สินของบริษัท รวมถึงเพื่อใช้ในการตรวจสอบกรณีเกิดอุบัติเหตุและเหตุการณ์อาชญากรรม

(8) บริหารโครงสร้างบริษัท การควบคุมภายใน การดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามนโยบายและกระบวนการของบริษัท ซึ่งรวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมความเสี่ยง ความปลอดภัย การตรวจสอบบัญชี การเงินและการบัญชี ระบบ และการดำเนินการเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัท

(9) ป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การเฝ้าติดตามข้อมูลการใช้เครือข่าย (network activity logs) การระบุเหตุการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย (security incidents) การดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล และการป้องกันอื่นใดต่อการกระทำที่ประสงค์ร้าย หลอกลวง ฉ้อฉล หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(10) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น กรณีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้แจ้งไว้ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นองค์ประกอบสำคัญของประกาศของราชการหรือมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้น

(11) การปฏิบัติตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ และระเบียบข้อบังคับซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น กฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ กรมศุลกากร กรมสรรพากร เป็นต้น

4.​ ฐานทางกฎหมาย

บริษัทอาจใช้ฐานทางกฎหมายต่างๆ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ได้แก่ ฐานสัญญา ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) ฐานประโยชน์โดยชอบธรรม (Legitimate interest) เช่นการตรวจสอบเพื่อทราบสถานะเกี่ยวกับบุคคล เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและการทุจริต โดยไม่กระทบต่อประโยชน์หรือสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น หรือบริษัทอาจขอความยินยอมจากท่านโดยตรงเป็นรายกรณีไป

5.​ ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

5.1 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย มีดังนี้

(1) ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ ภาพถ่าย ภาพและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและ/หรือข้อมูลหนังสือเดินทาง

(2) ข้อมูลการติดต่อ ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์

(3) ข้อมูลประวัติการศึกษา ประวัติการทำงานและข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นในกระบวนการสรรหาพนักงาน

(4) ข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการ และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท

(5) ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลการชำระเงิน และหมายเลขบัญชีธนาคาร

(6) ข้อมูลที่ใช้เพื่อระบบรักษาความปลอดภัย

(7) ข้อมูลเพื่อใช้ในการพัฒนาการให้บริการ และ รวมถึงในกรณีที่ลูกค้าเกิดปัญหาการใช้งาน

(8) ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับบริษัท ในการปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ และใช้ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีการกระทำผิดเงื่อนไขการใช้บริการ หรือผิดกฎหมายใดๆ บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลข้างต้น เพื่อการปฎิบัติตามสัญญาหรือการปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากท่านไม่ให้ข้อมูลดังกล่าว บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการหรือดำเนินการตามที่ท่านร้องขอได้

5.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ เช่น ข้อมูลของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นและการได้ยิน ข้อมูลส่วนบุคคลทางชีวภาพ (Biometric) ซึ่งบริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีความอ่อนไหวเพื่อวัตถุประสงค์ ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามที่กฎหมายกำหนด

6.​ แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทางดังนี้

6.1 การเก็บข้อมูลโดยตรงจากท่าน ขั้นตอนการยื่นคำขอ การสมัคร การเข้าทำสัญญาการใช้บริการต่างๆ กับบริษัท การขอรับสิทธิประโยชน์ เป็นต้น ข้อมูลที่ได้รับจากการทำแบบสอบถามของท่าน การบันทึกการสนทนาผ่านทางโทรศัพท์ การรับส่งข้อความทางอีเมล หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ ระหว่างบริษัทกับท่าน ข้อมูลที่ได้รับจากการใช้บริการ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้กับบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ หรือเว็บไซต์ของบริษัท เป็นต้น หรือบริษัทอาจขอความยินยอมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างชัดแจ้งในกรณีอื่นๆ เป็นกรณีไป

6.2 บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากท่านโดยตรง ซึ่งแหล่งข้อมูลดังกล่าวมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทในเครือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรมบังคับคดี กรมการปกครอง กรมสรรพากร หรือหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐอื่นๆ พันธมิตรทางธุรกิจและผู้รับจ้างช่วงที่บริษัทไว้วางใจให้ดำเนินการและให้บริการแก่ท่าน

7.​ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในประกาศนี้ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่น เช่น

(1) ผู้ให้บริการสนับสนุนการประกอบธุรกิจ (Business Facilitator) โดยครอบคลุมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า บุคคลที่บริษัททำสัญญาว่าจ้าง มอบหมาย หรือแต่งตั้งเพื่อดำเนินการแทน และหมายความรวมถึงผู้รับจ้างช่วงงานต่อ (Subcontract) แทนจำหน่ายของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการด้านการขนส่ง ผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมและการเงิน ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี (IT service provider) และจัดทำโปรแกรมหรือระบบไอทีต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ที่ปรึกษาวิชาชีพ เป็นต้น

(2) ผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วง ตัวแทน หรือผู้แทนโดยชอบธรรมของท่านที่มีอำนาจตามกฎหมายโดยชอบ

(3) บุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณี การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการควบรวมกิจการของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจต้องมีการโอนสิทธิไปยังกิจการดังกล่าว รวมถึงบุคคลต่าง ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลเพื่อการปรับโครงสร้างองค์กร การโอนกิจการ ข้อตกลงทางการเงิน การจำหน่ายทรัพย์สิน หรือธุรกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และ/หรือ ทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัท

(4) ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการของบริษัทที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยชอบ เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

เป็นส่วนสาระสำคัญของข้อมูลนิติบุคคล หรือกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท และ/หรือลูกค้าหรือผู้ใช้บริการของบริษัท หรือด้วยเหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด

(5) ตัวแทนในการดำเนินการตามกฎหมาย เช่น ทนายความ ผู้ทวงถามการชำระหนี้

(6) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมและกำกับดูแลตามกฏหมายหน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย เช่น หน่วยงานที่ปฏิบัติตามคำสั่งทางกฎหมาย หน่วยงานตรวจสอบ หรือกระบวนการทางกฎหมาย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร กรมบังคับคดี ศาล เป็นต้น

8.​ ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริการแต่ละประเภท ตามระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่บังคับใช้ระหว่างท่านและบริษัทเว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น

บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรฐานการทำลายข้อมูลของบริษัท เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือบริษัทไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว

9.​ สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถขอใช้สิทธิของท่านภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนด

9.1 สิทธิขอถอนความยินยอม

เมื่อท่านให้ความยินยอมกับบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดโดยเฉพาะแล้ว ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิตามกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษา สอบถามถึงผลกระทบก่อนการดำเนินการใช้สิทธิดังกล่าว หากการถอนความยินยอมของท่านทำให้บริษัทไม่สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือให้บริการบางอย่างให้แก่ท่านได้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม ท่านสามารถติดต่อบริษัทและขอใช้สิทธิด้วยตัวท่านเองตามช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้ เพื่อยื่นคำร้องและนำหลักฐานมาเพื่อการตรวจสอบ พิสูจน์ จนสามารถเชื่อได้ว่าท่านความเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจริง ทั้งนี้บริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิที่ไม่สุจริต/ไม่สมเหตุสมผล/ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง หรืออาจปฏิเสธคำร้องขอของท่านตามหลักเกณฑ์อื่นใดที่กฎหมายกำหนด

9.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลและขอรับสำเนา

ท่านมีสิทธิเข้าถึงและได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทมีอยู่ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

9.3 สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทสามารถทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่บริษัทไม่สามารถทำได้โดยสภาพทางเทคนิค หรือบริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย

9.4 สิทธิขอคัดค้าน

ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท ทั้งนี้การใช้สิทธิคัดค้านของท่านอาจทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้ เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท

9.5 สิทธิขอระงับการใช้ข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี เช่น บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

9.6 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามสัญญาสำหรับการให้บริการหรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน

9.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลของท่านเป็นปัจจุบันได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของกฏหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย

10.​ มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย และวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัท

ในกรณีที่บริษัทให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดำเนินการแทนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกำหนดให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดังกล่าว เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอย่างเคร่งครัด รวมถึงป้องกันมิให้นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยเพื่อการอื่นใด โดยไม่มีอำนาจ หรือโดยขัดต่อกฎหมาย

11.​ การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้

12.​ ช่องทางการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือต้องการขอใช้สิทธิตามพรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อบริษัทตามช่องทางดังต่อไปนี้

ที่อยู่สำนักงานใหญ่ เลขที่ 719/5 ถนนพระรามที่ 6 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อีเมล dpo@fyn.com

13.​ การเปลี่ยนแปลงประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว โดยบริษัทจะแจ้งประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับปัจจุบันไว้ที่เว็บไซต์ของ www.fyn.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy